tag:blogger.com,1999:blog-49605220627939715852024-02-07T12:27:24.997-08:00น่าน นะสิแสงตะวันhttp://www.blogger.com/profile/16757048712158179165noreply@blogger.comBlogger2125tag:blogger.com,1999:blog-4960522062793971585.post-8855900266234931752010-08-25T03:56:00.000-07:002010-08-25T03:56:38.863-07:00จังหวัดน่าน<br />
<br />
<br />
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี<br />
<br />
ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา <br />
<br />
จังหวัดน่าน<br />
<br />
<br />
<br />
ตราประจำจังหวัด<br />
<br />
ตราผ้าผูกคอลูกเสือ<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
ข้อมูลทั่วไป<br />
<br />
ชื่ออักษรไทย น่าน<br />
<br />
ชื่ออักษรโรมัน Nan<br />
<br />
ผู้ว่าราชการ นายวีรวิทย์ วิวัฒนวานิช<br />
<br />
(ตั้งแต่ พ.ศ. 2552)<br />
<br />
<br />
ISO 3166-2<br />
<br />
TH-55<br />
<br />
<br />
ต้นไม้ประจำจังหวัด กำลังเสือโคร่ง<br />
<br />
ดอกไม้ประจำจังหวัด เสี้ยวดอกขาว<br />
<br />
ข้อมูลสถิติ<br />
<br />
พื้นที่<br />
<br />
11,472.072 ตร.กม.[1]<br />
<br />
(อันดับที่ 13)<br />
<br />
ประชากร<br />
<br />
475,614 คน[2] (พ.ศ. 2552)<br />
<br />
(อันดับที่ 56)<br />
<br />
<br />
ความหนาแน่น<br />
<br />
41.46 คน/ตร.กม.<br />
<br />
(อันดับที่ 74)<br />
<br />
<br />
ศูนย์ราชการ<br />
<br />
ที่ตั้ง ศาลากลางจังหวัดน่าน ถนนสุริยพงษ์ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน 55000<br />
<br />
<br />
โทรศัพท์ (+66) 0 5471 0341<br />
<br />
โทรสาร (+66) 0 5471 0341<br />
<br />
เว็บไซต์<br />
<br />
จังหวัดน่าน<br />
<br />
<br />
แผนที่<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
________________________________________<br />
<br />
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
น่าน เปลี่ยนทางมาที่นี่ สำหรับความหมายอื่นดูที่ น่าน (แก้ความกำกวม)<br />
<br />
จังหวัดน่าน ตั้งอยู่ในภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย มีประวัติความเป็นมาที่เก่าแก่ยาวนาน มีชื่อเรียกในพงศาวดารว่า นันทบุรี มีพื้นที่กว้างใหญ่ เป็นอันดับ 13 ของประเทศ แต่มีประชากรเบาบางเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศ พื้นที่เต็มไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน และมีลำน้ำหลายสายเช่น ลำน้ำน่าน ลำน้ำว้า ทั้งยังมีประชากรหลายชาติพันธุ์ นับว่าเป็นดินแดนของความหลากหลายอีกแห่งหนึ่งของประเทศ<br />
<br />
เนื้อหา<br />
<br />
[ซ่อน]<br />
<br />
• 1 สัญลักษณ์ประจำจังหวัด <br />
<br />
• 2 อาณาเขต <br />
<br />
• 3 ภูมิศาสตร์ <br />
<br />
• 4 ภูมิอากาศ <br />
<br />
• 5 ประวัติศาสตร์ <br />
<br />
o 5.1 สมัยเมืองล่าง-วรนคร <br />
<br />
o 5.2 สมัยล้านนา <br />
<br />
o 5.3 สมัยรัตนโกสินทร์ <br />
<br />
• 6 กลุ่มชาติพันธุ์ <br />
<br />
• 7 ทำเนียบรายนามผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน <br />
<br />
• 8 หน่วยการปกครอง <br />
<br />
o 8.1 การบริหารส่วนภูมิภาค <br />
<br />
o 8.2 การบริหารส่วนท้องถิ่น <br />
<br />
• 9 อุทยาน วนอุทยาน สวนรุกขชาติ <br />
<br />
• 10 การคมนาคม <br />
<br />
o 10.1 ถนน <br />
<br />
o 10.2 ทางรถไฟ <br />
<br />
o 10.3 เครื่องบิน <br />
<br />
• 11 แหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้ <br />
<br />
• 12 ชาวน่านที่มีชื่อเสียง <br />
<br />
• 13 การศึกษา <br />
<br />
o 13.1 สถาบันอุดมศึกษา <br />
<br />
o 13.2 สถาบันอาชีวศึกษา <br />
<br />
o 13.3 โรงเรียน <br />
<br />
• 14 อ้างอิง <br />
<br />
• 15 ดูเพิ่ม <br />
<br />
• 16 แหล่งข้อมูลอื่น <br />
<br />
<br />
[แก้] สัญลักษณ์ประจำจังหวัด<br />
<br />
• ตราประจำจังหวัด: รูปพระธาตุแช่แห้งอยู่บนหลังโคอุศุภราช <br />
<br />
• ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกเสี้ยวดอกขาว (ชื่อวิทยาศาสตร์: Bauhinia variegata Linn.) <br />
<br />
• ต้นไม้ประจำจังหวัด: กำลังเสือโคร่ง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Betula alnoides Buch.-Ham.) <br />
<br />
• คำขวัญประจำจังหวัด: แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง <br />
<br />
[แก้] อาณาเขต<br />
<br />
พื้นที่จังหวัดน่าน มีเขตแดนด้านเหนือและตะวันออกติดต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ด้านใต้ติดกับจังหวัดอุตรดิตถ์ ทางตะวันตกติดกับจังหวัดพะเยาและจังหวัดแพร่ นอกจากนี้แล้ว จังหวัดน่านยังมีด่านเข้าออกกับประเทศลาวหลายแห่งด้วยกัน เช่น จุดผ่านแดนถาวรสากลห้วยโก๋น-น้ำเงิน จุดผ่อนปรนบ้านใหม่ชายแดน และจุดผ่อนปรนบ้านห้วยสะแตง<br />
<br />
[แก้] ภูมิศาสตร์<br />
<br />
จังหวัดน่านมีสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา โดยเฉพาะบริเวณชายแดนด้านเหนือและตะวันออกซึ่งเป็นรอยต่อกับลาว ซึ่งมี ดอยภูคา ในอำเภอปัว เป็นยอดเขาที่สูงที่สุด คือมีความสูงถึง 1,980 เมตร แต่ก็ยังมีแม่น้ำสายสำคัญด้วยนั่นคือ แม่น้ำน่านซึ่งมีต้นกำเนิดทางตอนเหนือของจังหวัด แล้วไหลลงไปยังเขื่อนสิริกิติ์ในจังหวัดอุตรดิตถ์ และบรรจบกับแม่น้ำปิงที่จังหวัดนครสวรรค์เป็นแม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากนี้ยังมีลำน้ำสาขาต่าง ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ ลำน้ำสา ลำน้ำว้า ลำน้ำสมุน ลำน้ำปัว ลำน้ำย่าง เป็นต้น<br />
<br />
[แก้] ภูมิอากาศ<br />
<br />
มีลักษณะอากาศแบบทุ่งหญ้าเมืองร้อนแบบ 3 ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว โดยมีความแตกต่างของฤดูอย่างชัดเจน<br />
<br />
• ฤดูร้อน <br />
<br />
• ฤดูฝน <br />
<br />
• ฤดูหนาว อากาศหนาวจัด เนื่องจากแวดล้อมไปด้วยภูเขาสูง <br />
<br />
[แก้] ประวัติศาสตร์<br />
<br />
เมืองน่านในอดีตเป็นนครรัฐเล็ก ๆ ก่อตัวขึ้นราวกลางพุทธศตวรรษที่ 18 บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำน่านและแม่น้ำสาขาในหุบเขาทางตะวันออกของภาคเหนือ<br />
<br />
[แก้] สมัยเมืองล่าง-วรนคร<br />
<br />
<br />
<br />
เจ้าหลวงภูคา ปฐมเจ้าผู้ครองนครน่าน แห่งราชวงศ์ภูคา<br />
<br />
ประวัติศาสตร์เมืองน่านเริ่มปรากฏขึ้นราว พ.ศ. 1825 ภายใต้การนำของพญาภูคาและนางพญาจำปาผู้เป็นชายา ซึ่งทั้งสองเป็นชาวเมืองเงินยาง ได้เป็นแกนนำพาผู้คนอพยพมาตั้งศูนย์การปกครองอยู่ที่เมืองล่าง ต่อมาเพี้ยนเป็นเมืองย่าง (เชื่อกันว่าคือบริเวณริมฝั่งด้านใต้ของแม่น้ำย่างบริเวณตำบลศิลาเพชร อำเภอปัว เลยไปถึงลำน้ำบั่ว ใกล้ทิวเขาดอยภูคาในเขตบ้านเสี้ยว บ้านทุ่งฆ้อง บ้านลอมกลาง ตำบลยม อำเภอท่าวังผา) เพราะปรากฏร่องรอยชุมชนในสภาพที่เป็นคูน้ำ คันดิน และกำแพงเมืองซ้อนกันอยู่ เห็นชัดเจนที่สุดคือบริเวณข้างพระธาตุจอมพริกบ้านเสี้ยวมีกำแพงเมืองปรากฏอยู่ซึ่งเป็นปราการทิศใต้ และป้อมปราการทิศเหนือลักษณะที่ปรากฏเป็นสันกำแพงดินบนยอดดอยม่อนหลวง บ้านลอมกลาง เป็นกำแพงเมืองสูงถึง 3 ชั้น ในแต่ละชั้นกว้าง 3 เมตร สูง 5 เมตร ขนานไปกับยอดดอยม่อนหลวง ต่อมาพระยาภูคา ได้ขยายอาณาเขตปกครองของตนออกไปให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยส่งราชบุตรบุญธรรม 2 คนไปสร้างเมืองใหม่ โดยขุนนุ่นผู้พี่ไปสร้างเมืองจันทบุรี (เมืองพระบาง) และขุนฟองผู้น้องสร้างเมืองวรนครหรือเมืองปัว<br />
<br />
ภายหลังขุนฟองถึงแก่พิราลัย เจ้าเก้าเถื่อนราชบุตรจึงได้ขึ้นครองเมืองปัวแทน ด้านพญาภูคาครองเมืองย่างมานานและมีอายุมากขึ้น มีความประสงค์จะให้เจ้าเก้าเถื่อนผู้หลานมาครองเมืองย่างแทน จึงให้เสนาอำมาตย์ไปเชิญ เจ้าเก้าเถื่อนเกรงใจปู่จึงยอมไปอยู่เมืองย่างและมอบให้ชายาคือนางพญาแม่ท้าวคำปินดูแลรักษาเมืองปัวแทน เมื่อพญาภูคาถึงแก่พิราลัย เจ้าเก้าเถื่อนจึงครองเมืองย่างแทน ในช่วงที่เมืองปัวว่างจากผู้นำ เนื่องจากเจ้าเก้าเถื่อนไปครองเมืองย่างแทนปู่นั้น พญางำเมืองเจ้าผู้ครองเมืองพะเยา จึงได้ขยายอิทธิพลเข้าครอบครองบ้านเมืองในเขตเมืองน่านทั้งหมด นางพญาแม่เท้าคำปินพร้อมด้วยบุตรในครรภ์ได้หลบหนีไปอยู่บ้านห้วยแร้ง จนคลอดได้บุตรชายชื่อว่าเจ้าขุนใส เติบใหญ่ได้เป็นขุนนางรับใช้พญางำเมืองจนเป็นที่โปรดปราน พญางำเมืองจึงสถาปนาให้เป็นเจ้าขุนใสยศ ครองเมืองปราด ภายหลังมีกำลังพลมากขึ้นจึงยกทัพมาต่อสู้จนหลุดพ้นจากอำนาจเมืองพะเยา และได้รับการสถาปนาเป็นพญาผานอง ขึ้นครองเมืองปัวอย่างอิสระระหว่างปี 1865-1894 รวม 30 ปีจึงพิราลัย<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
องค์พระบรมธาตุแช่แห้ง อนุสรณ์ความรักและความสัมพันธ์ ระหว่างเมืองน่านกับเมืองสุโขทัยในอดีต<br />
<br />
ในสมัยของพญาการเมือง (กรานเมือง) โอรสของพญาผานอง เมืองปัวได้มีการขยายตัวมากขึ้น ตลอดจนมีความสัมพันธ์กับเมืองสุโขทัยอย่างใกล้ชิด พงศาวดารเมืองน่านกล่าวถึงพญาการเมืองว่า ได้รับเชิญจากเจ้าเมืองสุโขทัย (พระมหาธรรมราชาลิไท) ไปร่วมสร้างวัดหลวงอภัย (วัดอัมพวนาราม) ขากลับเจ้าเมืองสุโขทัย ได้พระราชทานพระธาตุ 7 องค์ พระพิมพ์ทองคำ 20 องค์ พระพิมพ์เงิน 20 องค์ ให้กับพญาการเมืองมาบูชา ณ เมืองปัว ด้วยพญาการเมืองได้ปรึกษาพระมหาเถรธรรมบาลจึงได้ก่อสร้างพระธาตุแช่แห้งขึ้นที่บนภูเพียงแช่แห้ง พร้อมทั้งได้อพยพผู้คนจากเมืองปัวลงมาสร้างเมืองใหม่ที่บริเวณพระธาตุแช่แห้ง เรียกว่า ภูเพียงแช่แห้งในปี พ.ศ. 1902 โดยมีพระธาตุแช่แห้งเป็นศูนย์กลางเมือง (มวลสารจากพระธาตุแช่แห้งใช้ทำพระสมเด็จจิตรลดา) หลังจากพญาการเมืองถึงแก่พิราลัย โอรสคือพญาผากองขึ้นครองแทน อยู่มาเกิดปัญหาความแห้งแล้ง จึงย้ายเมืองมาสร้างใหม่ที่ริมแม่น้ำน่านด้านตะวันตกบริเวณบ้านห้วยไค้ คือบริเวณที่ตั้งของจังหวัดน่านในปัจจุบัน เมื่อปี พ.ศ. 1911<br />
<br />
ในสมัยเจ้าปู่เข่งครองเมืองระหว่างปี พ.ศ. 1950-1960 ได้สร้างวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร วัดพระธาตุเขาน้อย (มวลสารจากพระธาตุเขาน้อยใช้ทำพระสมเด็จจิตรลดา) วัดพญาภู แต่สร้างไม่ทันเสร็จก็ถึงแก่พิราลัยเสียก่อน พญางั่วฬารผาสุมผู้เป็นหลานได้สร้างต่อจนแล้วเสร็จและได้สร้างพระพุทธรูปทองคำปางลีลา ปัจจุบันคือ พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี ประดิษฐานอยู่ในวิหารวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร<br />
<br />
[แก้] สมัยล้านนา<br />
<br />
ในปี พ.ศ. 1993 พระเจ้าติโลกราชกษัตริย์นครเชียงใหม่ มีความประสงค์จะครอบครองเมืองน่านและแหล่งเกลือบ่อมาง (เขตตำบลบ่อเกลือใต้ อำเภอบ่อเกลือปัจจุบัน) ที่มีอย่างอุดมสมบูรณ์และหาได้ยากทางภาคเหนือ จึงได้จัดกองทัพเข้ายึด เมืองน่าน พญาอินต๊ะแก่นท้าวไม่อาจต้านทานได้จึงอพยพหนีไปอาศัยอยู่ที่เมืองเชลียง (ศรีสัชนาลัย) เมืองน่านจึงถูกผนวกเข้าไว้ในอาณาจักรล้านนาตั้งแต่นั้นมา<br />
<br />
ตลอดระยะเวลาเกือบ 100 ปีที่เมืองน่านอยู่ในครอบครองของอาณาจักรล้านนา ได้ค่อย ๆ ซึมซับเอาศิลปวัฒนธรรมของล้านนามาไว้ในวิถีชีวิต โดยเฉพาะการรับเอาศิลปกรรมทางด้านศาสนา ปรากฏศิลปกรรมแบบล้านนาเข้ามาแทนที่ศิลปกรรมแบบสุโขทัยอย่างชัดเจน เช่น เจดีย์วัดพระธาตุแช่แห้ง เจดีย์วัดสวนตาล (มวลสารจากวัดสวนตาลใช้ทำพระสมเด็จจิตรลดา) เจดีย์วัดพระธาตุช้างค้ำ แม้จะเหลือส่วนฐานที่มีช้างล้อมรอบซึ่งเป็นลักษณะศิลปะแบบสุโขทัยอยู่ แต่ส่วนองค์เจดีย์ขึ้นไปถึงส่วนยอดเปลี่ยนเป็นศิลปกรรมแบบล้านนาไปจนหมดสิ้น ในระหว่างปี พ.ศ. 2103-2328 เมืองน่านได้ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าอยู่หลายครั้งและต้องเป็นเมืองร้างไร้ผู้คนถึง 2 ครา คือ ครั้งแรก ปี พ.ศ. 2247-2249 ครั้งที่ 2 ปี พ.ศ. 2321-2344<br />
<br />
[แก้] สมัยรัตนโกสินทร์<br />
<br />
ปี พ.ศ. 2331 เจ้าอัตถวรปัญโญได้ลงมาเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเพื่อขอเป็นข้าขอบขัณฑสีมา หลังจากขึ้นเจ้าอัตถวรปัญโญก็ยังมิได้เข้าไปอยู่เมืองน่านเสียทีเดียวเนื่องจากเมืองน่านยังรกร้างอยู่ จึงได้ย้ายไปอาศัยอยู่ตามที่ต่าง ๆ คือ บ้านตึ๊ดบุญเรือง เมืองงั้ว (บริเวณอำเภอนาน้อย) เมืองพ้อ (บริเวณอำเภอเวียงสา) จนกระทั่งหลังจากได้บูรณะซ่อมแซมเมืองน่านพร้อมทั้งได้ขอพระบรมราชานุญาตแล้ว จึงกลับเข้ามาอยู่ในเมืองน่านในปี พ.ศ. 2344 ในยุคสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมืองน่านมีฐานะเป็นหัวเมืองประเทศราช เจ้าผู้ครองนครน่านในชั้นหลังทุกองค์ต่างปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความเที่ยงธรรม มีความซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี ได้ช่วยราชการบ้านเมืองสำคัญหลายครั้งหลายคราด้วยกัน นอกจากนี้เจ้าผู้ครองนครน่านต่างได้อุปถัมภ์ค้ำจุนและทำนุบำรุงกิจการพุทธศาสนาในเมืองน่านเป็นสำคัญ ได้สร้างธรรมนิทานชาดก การจารพระไตรปิฎกลงในคัมภีร์ใบลาน นับเป็นคัมภีร์ได้ 335 คัมภีร ์นับเป็นผูกได้ 2,606 ผูก ได้นำไปมอบให้เมืองต่าง ๆ มีเมืองลำปาง เมืองลำพูน เมืองเชียงใหม่ เมืองเชียงราย และเมืองหลวงพระบาง<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน อดีตเคยเป็นหอคำของเจ้าผู้ครองนครน่านในอดีต<br />
<br />
ในปี พ.ศ. 2446 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาให้เจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดชฯ เลื่อนยศฐานันดรศักดิ์ขึ้นเป็น "พระเจ้านครน่าน" มีพระนามปรากฏตามสุพรรณปัฏว่า "พระเจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดช กุลเชษฐมหันต์ ไชยนันทบุรมหาราชวงศาธิบดี สุริตจารีราชนุภาวรักษ์ วิบูลยศักดิ์กิติไพศาล ภูบาลบพิตรสถิตย์ ณ นันทราชวงษ์" เป็นพระเจ้านครน่านองค์แรกและองค์เดียวในประวัติศาสตร์น่าน ภายหลังได้รับการสถาปนาเป็นพระเจ้าน่าน พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ ได้สร้างหอคำ (คุ้มหลวง) ขึ้นแทนหลังเดิมซึ่งสร้างในสมัยของเจ้าอนันตวรฤิทธิเดชฯ และด้านหน้าหอคำมีข่วงไว้ทำหน้าที่คล้ายสนามหลวง สำหรับจัดงานพิธีต่าง ๆ ตลอดจนเป็นที่จัดขบวนทัพออกสู้ศึก จัดขบวนนำเสด็จ หรือขบวนรับแขกเมืองสำคัญ และในปี พ.ศ. 2474 เจ้ามหาพรหมสุรธาดาเจ้าผู้ครองนครน่านถึงแก่พิราลัย ตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครก็ถูกยุบเลิกตั้งแต่นั้นมา ส่วนหอคำได้ใช้เป็นศาลากลางจังหวัดน่าน จนปี พ.ศ. 2511 จังหวัดน่านได้มอบหอคำให้กรมศิลปากร ใช้เป็นสถานที่จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่านจนกระทั่งปัจจุบัน<br />
<br />
ในยุคประชาธิปไตย จังหวัดน่านยังมีตำนานการเป็นแหล่งกบดานของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย โดยเฉพาะที่อำเภอทุ่งช้าง ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญอีกแห่งหนึ่ง โดยมีอนุสรณ์สถานวีรกรรมทุ่งช้างเป็นพยานช่วยเตือนความจำให้แก่ชนรุ่นหลัง<br />
<br />
[แก้] กลุ่มชาติพันธุ์<br />
<br />
ประชากรในจังหวัดน่านมีอยู่อย่างเบาบางเป็นอันดับ 3 ของประเทศ (40 คนต่อตารางกิโลเมตร) กระจัดกระจายไปตามสภาพทางภูมิศาสตร์<br />
<br />
1. ชาวไทยวน หรือ คนเมือง ส่วนใหญ่อพยพมาจากเชียงแสน และบริเวณต่าง ๆ ของล้านนา ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัด<br />
<br />
2. ชาวไทลื้อ (ไทลื้อ, ไทยอง) ส่วนใหญ่อพยพมาจากสิบสองปันนาและหัวเมืองต่าง ๆ บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งมีทั้งอพยพมาด้วยความสมัครใจและอพยพมาเนื่องจากเกิดศึกสงครามทั้งภายในหัวเมืองลื้อเอง และอพยพมามากที่สุดยุคเก็บผักใส่ซ้าเก็บข้าใส่เมืองของเจ้ากาวิลละแห่งเชียงใหม่ และเจ้าอัตถวรปัญโญ แห่งนครน่าน และยุคของเจ้าสุมนเทวราช อีกทั้งมีการอพยพเข้ามาเรื่อย ๆ ครั้งเกิดการปฏิวัติการปกครองประเทศของจีน ชาวไทลื้ออาศัยตั้งบ้านเรือน อยู่กระจัดกระจายตามลุ่มน้ำต่าง ๆ ในจังหวัดน่าน มีมากที่สุด คืออำเภอปัวแทบทุกตำบล อำเภอท่าวังผา สองแคว เชียงกลาง และทุ่งช้าง เลยไปถึงเฉลิมพระเกียรติ<br />
<br />
ส่วนภาษาไทยลื้อในจังหวัดน่าน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ<br />
<br />
• ไทลื้อฝั่งสิบสองปันนาตะวันออก ได้แก่ เมืองล้า เมืองมาง (อาศัยอยู่แถบลุ่มแม่น้ำน่าน บริเวณชุมชนบ้านหนองบัวและแถวตำบลยอด อำเภอสองแคว) สำเนียงพูดใกล้เคียงกับภาษาไทยอีสานปนลาวพวน <br />
<br />
• ไทลื้อฝั่งสิบสองปันนาตะวันตก ได้แก่ เมืองยู้ เมืองยอง เมืองเชียงลาบ เมืองเสี้ยว (อาศัยอยู่แถบลุ่มแม่น้ำย่าง บริเวณชุมชนตำบลยม-ศิลาเพชร เลยไปถึงศิลาแลง แถบลุ่มแม่น้ำปัว ถึงห้วยโก๋น) สำเนียงพูดเหมือนสำเนียงคนยองในจังหวัดลำพูน-เชียงใหม่ <br />
<br />
3. ชาวไทพวน หรือ ลาวพวน ตั้งบ้านเรือนที่บ้านฝายมูล อ.ท่าวังผา และบ้านหลับมืนพวน อำเภอเวียงสา<br />
<br />
4. ชาวไทเขิน หรือ ชาวขึน ซึ่งอพยพมาจากเชียงตุง ปัจจุบันส่วนใหญ่จะถูกกลืนทางวัฒนธรรมจากคนเมือง ทั้งภาษาพูดและเครื่องแต่งกาย แต่บางหมู่บ้านยังมีการนับถือผีเจ้าเมืองของไทเขินอยู่ จึงรู้ว่าเป็นไทเขิน เช่นบ้านหนองม่วง อำเภอท่าวังผา ส่วนบ้านเชียงยืน ตำบลยม ถูกชาวไทลื้อกลืนวัฒนธรรม จนไม่เหลือเค้าของชาวไทเขิน<br />
<br />
5. ชาวไทใหญ่ หรือ เงี้ยว หรือ ไตโหลง ซึ่งมีถิ่นฐานในรัฐฉาน และเชียงตุง อาศัยอยู่บริเวณแถว อำเภอทุ่งช้าง ในปัจจุบันถูกกลืนวัฒนธรรม จนแทบแยกไม่ออกว่าเป็นชาวไทใหญ่<br />
<br />
<br />
<br />
บริเวณที่สูงตามไหล่เขาเป็นชุมชนของชนกลุ่มน้อยที่เรียกกันว่า ชาวเขา ได้แก่ ชาวม้ง เมี่ยน ลัวะหรือถิ่น ขมุ และรวมถึงชาวตองเหลืองที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่ตำบลแม่ขะนิง อำเภอเวียงสาด้วย ผู้คนในจังหวัดน่านจึงมีภาษาพูดที่หลากหลายด้วยเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่จะพูดภาษาไทยถิ่นเหนือหรือพูดคำเมืองสำเนียงน่าน<br />
<br />
[แก้] ทำเนียบรายนามผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน<br />
<br />
ลำดับ รายนาม ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง<br />
<br />
1 พระยาพิชัยชาญฤทธิ์ พ.ศ. 2433-2435<br />
<br />
2 พระยาสุนทรนุรักษ์ พ.ศ. 2435-2437<br />
<br />
3 หลวงชาญภูเบศร์ (สวัสดิ์ ภูมิรัตน์) พ.ศ. 2437-2439<br />
<br />
4 จหมื่นมหาดเล็ก (เรือง ภูมิรัตน์) พ.ศ. 2439-2444<br />
<br />
5 พระยาบรมนาทบำรุง พ.ศ. 2444-2449<br />
<br />
6 พระยาอุทัยมนตรี (พร จารุจินดา) พ.ศ. 2449-2450<br />
<br />
7 พระยาอมฤทธิ์ธำรง (ฉี่ บุญนาค) พ.ศ. 2450-2451<br />
<br />
8 พระยาทรธนพัฒน์ (เจิม จารุจินดา) พ.ศ. 2451-2454<br />
<br />
9 พระยาอารีราชการัณย (ม.ร.ว.ปาร นพวงศ์) พ.ศ. 2454-2467<br />
<br />
10 พระยาวรวิไชย วุฒิกรณ์ (เลื่อน สนธิรัตน์) พ.ศ. 2467-2470<br />
<br />
11 พระยาอนุบาล พายัพกิจ (ปุ่น อาสนจินดา) พ.ศ. 2470-2471<br />
<br />
12 พระยากรุงศรี สวัสดิ์การ (จำรัส สวัสดิ์ชูโต) พ.ศ. 2471-2476<br />
<br />
13 พระเกษตร สรรพกิจ (นุ่ม วรรณโกมล) พ.ศ. 2476-2480<br />
<br />
14 พระบริหาร ทัณฑนิติ (ประเสริฐ เศวตกนิษฐ์) พ.ศ. 2480-2482<br />
<br />
15 พระชาติการ (ม.ร.ว.จิตร ดเนจร) พ.ศ. 2482-2482<br />
<br />
16 หลวงทรงประศาสน์ (ทองคำ นวลทรง) พ.ศ. 2482-2488<br />
<br />
17 ขุนระดับคดี (ปัญญา รมยานนท์) พ.ศ. 2488-2488<br />
<br />
18 ขุนอักษรสารสิทธิ์ (พินิจ อักษรสารสิทธิ์) พ.ศ. 2488-2489<br />
<br />
19 ขุนวิศิษฐ์ อุดรการ (กรี วิศิษฐ์อุดรการ) พ.ศ. 2489-2490<br />
<br />
20 นายชลอ จารุจินดา พ.ศ. 2490-2490<br />
<br />
21 นายนวล มีชำนาญ พ.ศ. 2490-2496<br />
<br />
22 นายมานิต ปุรณพรรค์ พ.ศ. 2496-2500<br />
<br />
23 หลวงอนุมัติ ราชกิจ (อั๋น อนุมัติราชกิจ) พ.ศ. 2500-2503<br />
<br />
24 นายวิชาญ บรรณโศภิษฐ์ พ.ศ. 2503-2510<br />
<br />
25 นายชิต ทองประยูร พ.ศ. 2510-2511<br />
<br />
26 พล.ต.ต.ศรีศักดิ์ ธรรมรักษ์ พ.ศ. 2511-2514<br />
<br />
27 นายสุกิจ จุลละนันทน์ พ.ศ. 2514-2517<br />
<br />
28 นายสวัสดิ์ ประไพพานิช พ.ศ. 2517-2518<br />
<br />
29 นายโชดก วีรธรรมพูลสวัสดิ พ.ศ. 2518-2520<br />
<br />
30 นายสายสิทธิ พรแก้ว พ.ศ. 2520-2521<br />
<br />
31 พ.ท.น.พ.อุดม เพ็ชรศิริ พ.ศ. 2521-2523<br />
<br />
32 นายชัยวัฒน์ หุตะเจริญ พ.ศ. 2523-2526<br />
<br />
33 นายประกอบ แพทยกุล พ.ศ. 2526-2528<br />
<br />
34 นายเฉลิม พรหมเลิศ พ.ศ. 2528-2530<br />
<br />
35 นายกาจ รักษ์มณี พ.ศ. 2530-2532<br />
<br />
36 พ.ต.ปรีดา นิสัยเจริญ พ.ศ. 2532-2533<br />
<br />
37 นายอำนวย ยอดเพชร พ.ศ. 2533-2535<br />
<br />
38 นายจิโรจน์ โชติพันธุ์ พ.ศ. 2535-2536<br />
<br />
39 นายประวิทย์ สีห์โสภณ พ.ศ. 2536-2537<br />
<br />
40 นายสุจริต นันทมนตรี พ.ศ. 2537-2539<br />
<br />
41 นายจเด็จ อินสว่าง พ.ศ. 2539-2541<br />
<br />
42 นายเชิดพงษ์ อุทัยสาง พ.ศ. 2541-2541<br />
<br />
43 ร.ต.ต.ธนะพงษ์ จักกะพาก พ.ศ. 2541-2545<br />
<br />
44 นายสุวัฒน์ โชคสุวัฒนสกุล พ.ศ. 2545-2548<br />
<br />
45 นายปริญญา ปานทอง พ.ศ. 2548-2550<br />
<br />
46 นายสมพงษ์ อนุยุทธพงศ์ พ.ศ. 2550-2551<br />
<br />
47 นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต พ.ศ. 2551-2552<br />
<br />
48 นายวีรวิทย์ วิวัฒนวณิช พ.ศ. 2552-ปัจจุบัน<br />
<br />
[แก้] หน่วยการปกครอง<br />
<br />
[แก้] การบริหารส่วนภูมิภาค<br />
<br />
แบ่งการปกครองแบ่งออกเป็น 15 อำเภอ 99 ตำบล 848 หมู่บ้าน ได้แก่<br />
<br />
<br />
<br />
1. อำเภอเมืองน่าน อยู่ในบริเวณกึ่งกลางของพื้นที่จังหวัด เป็นเมืองขนาดย่อม มีประชากรไม่หนาแน่น <br />
<br />
2. อำเภอแม่จริม อยู่ทางตะวันออกของจังหวัด มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม <br />
<br />
3. อำเภอบ้านหลวง อยู่ทางตะวันตก ติดกับจังหวัดพะเยา มีผู้คนเบาบาง <br />
<br />
4. อำเภอนาน้อย ทางด้านใต้ของจังหวัด มีเส้นทางติดกับจังหวัดแพร่ มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ คือ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน และเสาดินนาน้อย <br />
<br />
5. อำเภอปัว อำเภอศูนย์กลางเศรษฐกิจทางตอนบนของจังหวัด มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เก่าแก่และเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติดอยภูคา พื้นที่โดยรอบมีสภาพเป็นภูเขา <br />
<br />
6. อำเภอท่าวังผา บริเวณช่วงกลางของจังหวัด มีชื่อเสียงเรื่องการทอผ้า ของหมู่บ้านไทยลื้อ และมีวัดเก่าแก่ คือวัดหนองบัว <br />
<br />
7. อำเภอเวียงสา เดิมเรียกอำเภอสา เป็นเสมือนประตูสู่จังหวัด มีน้ำตกดอยสวรรค์ วัดดอยไชย และวัดบุญยืน <br />
<br />
8. อำเภอทุ่งช้าง สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นที่มั่นสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์ประเทศไทย มีอนุสาวรีย์วีรกรรมทุ่งช้างประดิษฐานอยู่ <br />
<br />
9. อำเภอเชียงกลาง อำเภอเล็ก ๆ ทางตอนเหนือ มีรีสอร์ทสวย ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวหลายแห่ง <br />
<br />
10. อำเภอนาหมื่น อำเภอทางใต้สุดของจังหวัด ติดกับจังหวัดอุตรดิตถ์ มีหมู่บ้านชาวประมงน้ำจืด ที่อาศัยแอ่งน้ำเหนือเขื่อนสิริกิติ์ทำการประมง และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ <br />
<br />
11. อำเภอสันติสุข อำเภอขนาดเล็กทางตะวันออกของจังหวัด มีความสงบท่ามกลางขุนเขา <br />
<br />
12. อำเภอบ่อเกลือ มีบ่อเกลือโบราณและตำนานเก่าแก่ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นที่ตั้งของเมืองภูคาสมัยโบราณ ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยเฉพาะเป้นจุดเริ่มต้นของการล่องแก่งน้ำว้า <br />
<br />
13. อำเภอสองแคว อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัด ติดกับจังหวัดพะเยา และมีด่านชายแดนไทยลาวทางตอนเหนือ มีหมู่บ้านชนกลุ่มน้อย ที่เรียกว่า ชาวขมุ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเขาสูง <br />
<br />
14. อำเภอภูเพียง อยู่ใกล้กับอำเภอเมืองน่าน เป็นที่ตั้งของพระธาตุแช่แห้ง <br />
<br />
15. อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอเหนือสุดของจังหวัดน่าน มีด่านชายแดนไทยลาวและหมู่บ้านชาวเขา เป็นแหล่งปลูกส้มสีทองที่สำคัญของจังหวัดและแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำสายสำคัญ คือแม่น้ำน่าน <br />
<br />
[แก้] การบริหารส่วนท้องถิ่น<br />
<br />
ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาลเมือง 1 แห่ง เทศบาลตำบล 15 แห่ง ได้แก่<br />
<br />
1. องค์การบริหารส่วนจังหวัดน่าน <br />
<br />
2. เทศบาลเมืองน่าน อำเภอเมืองน่าน <br />
<br />
3. เทศบาลตำบลดู่ใต้[3] อำเภอเมืองน่าน <br />
<br />
4. เทศบาลตำบลเวียงสา อำเภอเวียงสา <br />
<br />
5. เทศบาลตำบลกลางเวียง อำเภอเวียงสา <br />
<br />
6. เทศบาลตำบลขึ่ง อำเภอเวียงสา <br />
<br />
7. เทศบาลตำบลปัว อำเภอปัว <br />
<br />
8. เทศบาลตำบลศิลาแลง อำเภอปัว <br />
<br />
9. เทศบาลตำบลทุ่งช้าง อำเภอทุ่งช้าง <br />
<br />
10. เทศบาลตำบลท่าวังผา อำเภอท่าวังผา <br />
<br />
11. เทศบาลตำบลนาน้อย อำเภอนาน้อน <br />
<br />
12. เทศบาลตำบลศรีษะเกษ อำเภอนาน้อย <br />
<br />
13. เทศบาลตำบลเชียงกลาง อำเภอเชียงกลาง <br />
<br />
14. เทศบาลตำบลพระพุทธบาทเชียงคาน อำเภอเชียงกลาง <br />
<br />
15. เทศบาลตำบลหนองแดง อำเภอแม่จริม <br />
<br />
16. เทศบาลตำบลบ่อแก้ว อำเภอนาหมื่น <br />
<br />
17. เทศบาลตำบลยอด อำเภอสองแคว <br />
<br />
และองค์การบริหารส่วนตำบล 83 แห่ง รวม 100 แห่ง<br />
<br />
[แก้] อุทยาน วนอุทยาน สวนรุกขชาติ<br />
<br />
• อุทยานแห่งชาติดอยภูคา อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของจังหวัดน่าน มีอาณาเขตกว้างขวางเป็นอันดับ 4 ของประเทศ โดยมีพื้นที่ประมาณ 1,065,000 ไร่ หรือ 1,704 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมในท้องที่ 8 อำเภอของจังหวัดน่าน ได้แก่ อำเภอปัว อำเภอท่าวังผา อำเภอทุ่งช้าง อำเภอเชียงกลาง อำเภอบ่อเกลือ อำเภอสันติสุข อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และ อำเภอแม่จริม ประกอบด้วยพรรณไม้ที่หลากหลาย มีการค้นพบพืชสำคัญหลายชนิด เช่น เต่าร้างยักษ์ภูคา ที่พบเฉพาะที่นี่เพียงแห่งเดียว รวมถึงต้นชมพูภูคา ซึ่งพบที่นี่เพียงแห่งเดียวเช่นกัน <br />
<br />
• อุทยานแห่งชาติศรีน่าน มีพื้นที่ครอบคลุมในท้องที่อำเภอนาหมื่น อำเภอนาน้อย อำเภอเวียงสา ตามแนวสองฟากฝั่งลำน้ำน่าน จนไปสิ้นสุดที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ มีเนื้อที่ประมาณ 640,237.50 ไร่ หรือ 1,024.38 ตารางกิโลเมตร สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ ดอยเสมอดาว ผาหัวสิงห์ ผาชู้ เสาดิน แก่งหลวง หมู่บ้านประมงปากนาย เป็นต้น <br />
<br />
• อุทยานแห่งชาติแม่จริม อยู่ในอำเภอแม่จริม มีเนื้อที่ประมาณ 270,000 ไร่ หรือ 432 ตารางกิโลเมตร มีกิจกรรมการท่องเที่ยวที่เด่นคือ การล่องแก่งลำน้ำว้า <br />
<br />
• อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน อยู่ในท้องที่อำเภอท่าวังผา อำเภอเชียงกลาง อำเภอทุ่งช้าง อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน และอำเภอเชียงคำ อำเภอปง จังหวัดพะเยา มีพื้นที่ประมาณ 155,200 ไร่ หรือ 248.32 ตารางกิโลเมตร <br />
<br />
• อุทยานแห่งชาตินันทบุรี มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอท่าวังผา อำเภอเมืองน่าน อำเภอบ้านหลวง เนื้อที่ประมาณ 548,125 ไร่ หรือ 877 ตารางกิโลเมตร พื้นที่แห่งนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ สำคัญแห่งหนึ่งในอดีต เคยอยู่ภายใต้อิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย มีการต่อสู้ระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ <br />
<br />
• อุทยานแห่งชาติขุนสถาน มีพื้นที่ครอบคลุมป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ ในท้องที่อำเภอนาน้อย และอำเภอนาหมื่น เนื้อที่ประมาณ 262,000 ไร่ หรือ 419.2 ตารางกิโลเมตร <br />
<br />
• อุทยานแห่งชาติขุนน่าน ครอบคลุมพื้นที่อำเภอบ่อเกลือ มีพรรณไม้และสัตว์ป่าที่น่าสนใจมากมาย มีพื้นที่ประมาณ 155,375 ไร่ หรือ 248.6 ตารางกิโลเมตร <br />
<br />
• วนอุทยานถ้ำผาตูบ อยู่ในท้องที่บ้านผาตูบ ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน มีเนื้อที่ประมาณ 528 ไร่ <br />
<br />
• สวนรุกขชาติแช่แห้ง ตั้งอยู่ที่ตำบลม่วงตึ๊ด อำเภอภูเพียง โดยมีอาณาเขตติดกับวัดพระธาตุแช่แห้ง มีเนื้อที่ประมาณ 72 ไร่ <br />
<br />
• สวนรุกขชาติห้วยน้ำอุ่น อยู่ในท้องที่ตำบลอ่ายนาไลย อำเภอเวียงสา มีเนื้อที่ประมาณ 625 ไร่ <br />
<br />
[แก้] การคมนาคม<br />
<br />
เนื่องด้วยภูมิศาสตร์ของจังหวัดน่านมีพื้นที่ติดต่อกับจังหวัดอื่นๆ ไม่มาก และเป็นจังหวัดชายแดนติดกับประเทศลาว ดังนั้นการเดินทางมาจังหวัดน่านจึงมีเส้นทางที่จำกัด ไม่มีทางรถไฟ แต่ก็มีท่าอากาศยานน่าน รวมทั้งมีถนนสายหลักที่ตัดผ่านตลอดความยาวตั้งแต่เหนือลงมาและมีสภาพผิวถนนที่ดี สามารถใช้งานได้ตลอดปี<br />
<br />
[แก้] ถนน<br />
<br />
เครือข่ายถนนในจังหวัดประกอบด้วยแนวถนนในแนวเหนือ-ใต้ และแนวตะวันตก-ตะวันออก มีถนนลาดยางจากตัวจังหวัดไปยังอำเภอต่างๆ และจังหวัดใกล้เคียง<br />
<br />
• ทางหลวงแผ่นดินที่สำคัญ ได้แก่ <br />
<br />
1. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 (กำแพงเพชร-ต่อเขตเทศบาลเมืองน่าน) <br />
<br />
2. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1080 (ต่อเขตเทศบาลเมืองน่าน-จุดผ่านแดนถาวรห้วยโก๋น/น้ำเงิน(เขตแดนไทย/ลาว)) <br />
<br />
3. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1091 (แยกทางหลวงหมายเลข 1021 (จุน)-น่าน) <br />
<br />
4. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1083 (นาน้อย-บรรจบทางหลวงหมายเลข 1123 (ปางไฮ)) <br />
<br />
5. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1148 (ท่าวังผา-เชียงคำ) <br />
<br />
6. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1216 (แยกทางหลวงหมายเลข 101 (ร้องกวาง)-นาน้อย) <br />
<br />
<br />
<br />
• ระยะทางระหว่างจังหวัด <br />
<br />
1. แพร่ 118 กิโลเมตร<br />
<br />
<br />
2. พะเยา 150 กิโลเมตร<br />
<br />
3. อุตรดิตถ์ 190 กิโลเมตร<br />
<br />
4. เชียงราย 220 กิโลเมตร<br />
<br />
5. เชียงใหม่ 330 กิโลเมตร<br />
<br />
6. พิษณุโลก 295 กิโลเมตร<br />
<br />
7. นครสวรรค์ 425 กิโลเมตร<br />
<br />
8. กรุงเทพมหานคร 668 กิโลเมตร<br />
<br />
<br />
<br />
• ระยะทางระหว่างอำเภอ <br />
<br />
1. เมืองน่าน 05 กิโลเมตร 9. นาหมื่น 078 กิโลเมตร<br />
<br />
2. เวียงสา 23 กิโลเมตร 10. บ้านหลวง 048 กิโลเมตร<br />
<br />
3. ปัว 63 กิโลเมตร 11. สันติสุข 032 กิโลเมตร<br />
<br />
4. ทุ่งช้าง 80 กิโลเมตร 12. บ่อเกลือ 085 กิโลเมตร<br />
<br />
5. ท่าวังผา 45 กิโลเมตร 13. สองแคว 078 กิโลเมตร<br />
<br />
6. นาน้อย 58 กิโลเมตร 14. เฉลิมพระเกียรติ 130 กิโลเมตร<br />
<br />
7. เชียงกลาง 68 กิโลเมตร 15. ภูเพียง 006 กิโลเมตร<br />
<br />
8. แม่จริม 38 กิโลเมตร <br />
<br />
<br />
<br />
หมายเหตุ:<br />
<br />
- ระยะทางสั้นที่สุดจากศาลากลางจังหวัด <br />
<br />
- การเดินทางรถยนต์จากกรุงเทพฯ-น่านใช้เวลาประมาณ 9.20 ชั่วโมง <br />
<br />
[แก้] ทางรถไฟ<br />
<br />
จังหวัดน่านไม่มีเส้นทางรถไฟผ่าน แต่สามารถเดินทางมาลงที่สถานีรถไฟเด่นชัย อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่่ แล้วเดินทางด้วยถนนระยะทางประมาณ 140 กิโลเมตร ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 มายังตัวจังหวัดได้<br />
<br />
[แก้] เครื่องบิน<br />
<br />
มีท่าอากาศยานน่านซึ่งเป็นสนามบินพาณิชย์ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของตัวเมืองห่างประมาณ 3 กิโลเมตร มีเที่ยวบินระหว่างท่าอากาศยานเชียงใหม่, ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ<br />
<br />
[แก้] แหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
วัดพระธาตุช้างค้ำภายในตัวเมืองน่าน ตั้งอยู่หน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน<br />
<br />
จังหวัดน่านอาจไม่มีชื่อเสียงเป็นอันดันต้น ๆ ของสถานที่ท่องเที่ยว แต่ความจริงแล้ว ที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวให้ผู้สนใจได้ท่องเที่ยวมากมายไม่รู้จบ ทั้งสถานที่ทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี แหล่งอารยธรรมโบราณ โดยที่เพิ่งค้นพบในเขตอำเภอเมืองน่าน ส่วนโบราณสถานโดยเฉพาะวัดเก่าแก่มีให้เห็นแทบทุกอำเภอ ได้แก่ วัดพระธาตุแช่แห้ง พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดด้าน วัดภูมินทร์ หอคำ วัดหนองบัว วัดบุญยืน ซึ่งล้วนแต่มีอายุนับร้อย ๆ มี มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามทั้งสิ้น<br />
<br />
สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติก็มีความหลากหลาย เช่น เส้นทางชมธรรมชาติหมู่บ้านมณีพฤกษ์ ในอำเภอทุ่งช้าง อุทยานแห่งชาติหลายแห่ง และเสาดินที่อำเภอนาน้อย บ่อเกลือโบราณในอำเภอบ่อเกลือ หรือการล่องแก่งน้ำว้าที่มีทัศนียภาพสวยงามตลอดเส้นทาง เป็นต้น<br />
<br />
สำหรับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในจังหวัดน่าน สามารถท่องเที่ยวได้ทั่วทุกอำเภอ ด้วยมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีงานบุญประเพณีที่สำคัญ เช่น งานแข่งเรือ งานไหว้พระธาตุ ส่วนผู้ที่ชื่นชอบศิลปะการแสดงก็สามารถชมการแสดงนาฏศิลป์ที่งดงาม รวมทั้งดนตรีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น ดนตรีวงปี่จุ้ม จ๊อยซอ ฟ้อนแง้น เป็นต้น<br />
<br />
[แก้] ชาวน่านที่มีชื่อเสียง<br />
<br />
• ไชยลังกา เครือเสน - ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีพื้นบ้าน) ประจำปี พ.ศ. 2530 <br />
<br />
• คำผาย นุปิง - ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (การแสดงพื้นบ้าน-ขับซอ) ประจำปี พ.ศ. 2538 <br />
<br />
• วินัย ปราบริปู - ศิลปิน, ผู้อำนวยการหอศิลป์ริมน่าน <br />
<br />
• พิศิษฐ์ ปัทมสัตยาสนธิ - ประธาณกรรมการบริหาร บริษัทอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด <br />
<br />
• ชลน่าน ศรีแก้ว - สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดน่าน <br />
<br />
• คำรณ ณ ลำพูน - อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข <br />
<br />
• ศักดิ์นรินทร์ เขื่อนอ้น - สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. 2550 <br />
<br />
• กีรติ เขียวสมบัติ - นักฟุตบอลทีมชาติไทย <br />
<br />
• ปิติ ดวงพิกุล - มือเบส วงอินคา <br />
<br />
• สมบัติ แก้วทิตย์ - มือกีต้าร์ และหัวหน้าวงดอนผีบิน <br />
<br />
• สมศักดิ์ แก้วทิตย์ - มือกลอง วงดอนผีบิน <br />
<br />
• สมคิด แก้วทิตย์ - มือเบส วงดอนผีบิน <br />
<br />
• เข็มอัปสร สิริสุขะ - นักแสดงหญิง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 (บุตรสาวของเจ้านิรมิต มหาวงศนันท์ ณ น่าน) <br />
<br />
• ธารทิพย์ พงษ์สุข - นางสาวไทย ประจำปี 2528 <br />
<br />
• พิมพิไล ไชยโย - รองนางสาวไทย อันดับ 2 ประจำปี 2531 <br />
<br />
• ยลดา โคมกลอง - มิสอัลคาซ่าร์ ประจำปี 2005 <br />
<br />
[แก้] การศึกษา<br />
<br />
[แก้] สถาบันอุดมศึกษา<br />
<br />
• มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตน่าน <br />
<br />
• มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ วิทยาเขตน่าน <br />
<br />
• มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้องเรียนวัดพระธาตุแช่แห้ง <br />
<br />
• วิทยาลัยชุมชนน่าน (อยู่ระหว่างดำเนินการจัดตั้ง)[4] <br />
<br />
[แก้] สถาบันอาชีวศึกษา<br />
<br />
• วิทยาลัยเทคนิคน่าน <br />
<br />
• วิทยาลัยสารพัดช่างน่าน <br />
<br />
• วิทยาลัยการอาชีพเวียงสา <br />
<br />
• วิทยาลัยการอาชีพปัว <br />
<br />
[แก้] โรงเรียน<br />
<br />
• ดูที่ รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดน่าน <br />
<br />
[แก้] อ้างอิง<br />
<br />
1. ^ ศูนย์สารสนเทศเพื่อการบริหารและงานปกครอง. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ข้อมูลการปกครอง." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.dopa.go.th/padmic/jungwad76/jungwad76.htm [ม.ป.ป.]. สืบค้น 18 เมษายน 2553. <br />
<br />
2. ^ กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.dopa.go.th/stat/y_stat.html 2553. สืบค้น 30 มีนาคม 2553. <br />
<br />
3. ^ รายงานการประชุม คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย ครั้งที่ 26/2553. เข้าถึงได้จาก:Changwat, Amphoe, Tambon <br />
<br />
4. ^ สำนักบริหารงานวิทยาลัยชุมชน. เข้าถึงได้จาก: http://202.29.93.22/college.php <br />
<br />
[แก้] ดูเพิ่ม<br />
<br />
• รายพระนามเจ้าผู้ครองนครน่าน <br />
<br />
• รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดน่าน <br />
<br />
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น<br />
<br />
• เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด <br />
<br />
พิกัดภูมิศาสตร์: 18°47′N 100°46′E / 18.78°N 100.77°E<br />
<br />
• แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ จังหวัดน่าน <br />
<br />
o แผนที่ จาก มัลติแมป โกลบอลไกด์ หรือ กูเกิลแมปส์ <br />
<br />
o ภาพถ่ายทางอากาศ จาก เทอร์ราเซิร์ฟเวอร์ <br />
<br />
o ภาพถ่ายดาวเทียม จาก วิกิแมเปีย <br />
<br />
<br />
<br />
[แสดง] <br />
<br />
ด • พ • ก<br />
<br />
อำเภอ ในจังหวัดน่าน<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
[แสดง] <br />
<br />
ด • พ • ก<br />
<br />
เมืองหลวงและจังหวัดของประเทศไทยในปัจจุบัน แบ่งตามเกณฑ์ของราชบัณฑิตยสถาน<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
[แสดง] <br />
<br />
ด • พ • ก<br />
<br />
กีฬาแห่งชาติเขต 5<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
ดึงข้อมูลจาก "http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99".<br />
<br />
หมวดหมู่: จังหวัดน่าน <br />
จังหวัดชายแดน<br />
<br />
หมวดหมู่ที่ซ่อนอยู่: บทความที่รอการตรวจสอบรูปแบบ<br />
<br />
เครื่องมือส่วนตัว<br />
<br />
• คุณลักษณะใหม่ <br />
<br />
• ล็อกอิน / สร้างบัญชีผู้ใช้ <br />
<br />
เนมสเปซ<br />
<br />
• บทความ <br />
<br />
• อภิปราย <br />
<br />
สิ่งที่แตกต่าง<br />
<br />
ดู<br />
<br />
• เนื้อหา <br />
<br />
• แก้ไข <br />
<br />
• ประวัติ <br />
<br />
การกระทำ<br />
<br />
สืบค้น<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
ป้ายบอกทาง<br />
<br />
• หน้าหลัก <br />
<br />
• เหตุการณ์ปัจจุบัน <br />
<br />
• ถามคำถาม <br />
<br />
• บทความคัดสรร <br />
<br />
• บทความคุณภาพ <br />
<br />
• สุ่มเนื้อหา <br />
<br />
มีส่วนร่วม<br />
<br />
• ศาลาประชาคม <br />
<br />
• ปรับปรุงล่าสุด <br />
<br />
• เรียนรู้การใช้งาน <br />
<br />
• ทดลองเขียน <br />
<br />
• ติดต่อวิกิพีเดีย <br />
<br />
• บริจาคให้วิกิพีเดีย <br />
<br />
• วิธีใช้ <br />
<br />
พิมพ์/ส่งออก<br />
<br />
• สร้างหนังสือ<br />
<br />
• ดาวน์โหลดในชื่อ PDF<br />
<br />
• หน้าสำหรับพิมพ์<br />
<br />
เครื่องมือ<br />
<br />
• หน้าที่ลิงก์มา <br />
<br />
• ปรับปรุงที่เกี่ยวโยง <br />
<br />
• อัปโหลด <br />
<br />
• หน้าพิเศษ <br />
<br />
• ลิงก์ถาวร <br />
<br />
• อ้างอิงบทความนี้ <br />
<br />
ภาษาอื่น<br />
<br />
• Acèh <br />
<br />
• ইমার ঠার/বিষ্ণুপ্রিয়া মণিপুরী <br />
<br />
• Deutsch <br />
<br />
• English <br />
<br />
• Español <br />
<br />
• فارسی <br />
<br />
• Français <br />
<br />
• Bahasa Indonesia <br />
<br />
• Italiano <br />
<br />
• 日本語 <br />
<br />
• 한국어 <br />
<br />
• Bahasa Melayu <br />
<br />
• Nederlands <br />
<br />
• Norsk (bokmål) <br />
<br />
• Polski <br />
<br />
• Português <br />
<br />
• Svenska <br />
<br />
• Тоҷикӣ <br />
<br />
• Tagalog <br />
<br />
• Tiếng Việt <br />
<br />
• Winaray <br />
<br />
• 中文 <br />
<br />
• Bân-lâm-gú <br />
<br />
• หน้านี้แก้ไขล่าสุดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2553 เวลา 02:37 น. <br />
<br />
• อนุญาตให้เผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ แบบแสดงที่มา-อนุญาตแบบเดียวกัน; เงื่อนไขอื่นอาจใช้ประกอบด้วย โปรดศึกษาเงื่อนไขการใช้งาน<br />
<br />
Wikipedia® เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของมูลนิธิวิกิมีเดีย<br />
<br />
• ติดต่อเรา <br />
<br />
• นโยบายความเป็นส่วนตัว <br />
<br />
• เกี่ยวกับวิกิพีเดีย <br />
<br />
• ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ <br />
<br />
• <br />
<br />
•แสงตะวันhttp://www.blogger.com/profile/16757048712158179165noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4960522062793971585.post-65588177135532520862010-08-25T03:45:00.001-07:002010-08-25T03:45:29.394-07:00<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEglCGwMPpRiMMAqN1eua2or5ge-02DeewCHSD2oPn5ExlDct9ZxMEZS3nrfzRpgqOpFlFAI8f0c3Oi4et8_Pe1DkPMGEOEIe0oyi3MhKzasPGy8YWnmRJ6cqXjg7EiNmbaXSAxKNtsa-FO9/s1600/%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" ox="true" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEglCGwMPpRiMMAqN1eua2or5ge-02DeewCHSD2oPn5ExlDct9ZxMEZS3nrfzRpgqOpFlFAI8f0c3Oi4et8_Pe1DkPMGEOEIe0oyi3MhKzasPGy8YWnmRJ6cqXjg7EiNmbaXSAxKNtsa-FO9/s320/%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2.jpg" /></a></div>แสงตะวันhttp://www.blogger.com/profile/16757048712158179165noreply@blogger.com0